เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑ ม.ค. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราตั้งใจฟังธรรมเนาะ ตั้งใจฟังธรรม วันนี้เห็นวันทางโลกเขาเป็นวันขึ้นปีใหม่ ถ้าทางโลก วันขึ้นปีใหม่ เขาทำบุญกุศลกันเพื่อมงคลชีวิตขอให้ชีวิตปีนี้ราบรื่น ถ้าชีวิตปีนี้ราบรื่น เห็นไหม

มงคลชีวิตตั้งแต่เราเกิดนะ ชีวิตนี้มันเกิด สิ่งที่มีค่าที่สุดคือหัวใจของมนุษย์นะ คือหัวใจของเรานะ ถ้าหัวใจของเรา เราเกิดมาแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนาทีนี้พระพุทธศาสนา มงคลชีวิตๆ มงคลชีวิต มงคล ๓๘ประการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดในประเทศอันสมควร

เราเกิดในประเทศอันสมควรนะ ดูสิเรามาเกิด เกิดในแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์แต่ตอนนี้มันจะมีภัยแล้งมีต่างๆ มันเป็นสภาวะแวดล้อม แต่เราเกิดในประเทศอันสมบูรณ์นะ เราเกิดในประเทศที่มั่นคง แล้วเราเกิดมานี่บุญ บุญกุศลมหาศาลเลยแต่เวลาเราเกิดมาแล้วทำไมเราทุกข์ๆยากๆ ล่ะ

เราทุกข์ๆ ยากๆมันอยู่ที่เวรที่กรรมของสัตว์โลก คนเรากระทำมาไม่เหมือนกัน นิ้วคนยังไม่เท่ากันใช่ไหม ทีนี้การกระทำมาอย่างนั้น ถ้าการกระทำมาอย่างนั้น ถ้าเราไปมองสิ่งที่ปัจจัยเครื่องอาศัย มองที่วัตถุ เราจะน้อยเนื้อต่ำใจไปทุกๆ คนเลย เพราะเราไปเทียบเคียงกันที่วัตถุไงว่าเราต้องเทียบเทียมเขาๆ แต่เราไม่ได้มองเลยว่าจิตหนึ่งเท่ากันหมดเราเกิดมามีชีวิตเหมือนกันใครมันต่ำต้อยกว่าใครวะ

นี่ถ้าเราคิดถึงตรงนี้ใช่ไหม เราคิดถึงหัวใจของเราเราคิดถึงชีวิตของเรา แต่ไอ้เรื่องปัจจัยเครื่องอาศัยเรื่องหน้าที่การงาน นั่นล่ะปากกัดตีนถีบ ไอ้นี่มันเรื่องธรรมดา

เรากลับมาที่ชีวิตเราสิชีวิตนี้มีค่ามากนะ ชีวิตนี้มีค่ามาก ชีวิตมีค่ามาก ทีนี้พอเราเกิดมีค่ามากมันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะๆ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเราทำบุญกุศลของเรา

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สอนเฉพาะชาตินี้หรอก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนตั้งแต่มันมา มาอย่างไร แล้วอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างไร เวลาตายไปแล้วจะไปไหน

เวลามามาอย่างไรเวลาพระเราประพฤติปฏิบัติแล้ว ฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีเดียวสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"ทำไมเป็นอย่างนั้น"

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก "เขาทำบุญกุศลมาอย่างนั้นๆๆ"

แล้วบางคนปากกัดตีนถีบ เขาทุกข์ยากขนาดนั้น ทำไมเขาเป็นอย่างนั้น

เพราะเขาทำมาอย่างนั้นๆๆ

แล้วเกิดมาในชาติปัจจุบันนี้เรามีสติปัญญาไหมถ้าเรามีสติปัญญา ถ้าวันปีใหม่ๆ ถ้าปีใหม่ เราต้องมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา อันนี้มีค่ามากที่สุดเลย เพราะอะไร เพราะศีลศีลคือความปกติของใจเพราะศีลธรรมเพราะเรามีศีลเรารักษาหัวใจของเรา ถ้าเรามีคุณค่าขึ้นมาถ้าเราทำประโยชน์ของเรา ศีลคุ้มครองไง นี่เวลาถือศีลๆ

เราไปขอกัน ไปไหนก็ไปเข้าทรงทรงเจ้าว่าจะทำอะไรดีๆ ไงจะไปเชื่อเขาหมดเลย

จิตหนึ่งเขาก็จิตหนึ่งเราก็จิตหนึ่งเรามีสติมีปัญญา เรามีสมอง เราสามารถคิดได้ทำไมเราไม่สามารถควบคุมชีวิตของเราได้ทำไมเราต้องไปถามเขา จิตหนึ่ง เจ้าคือใคร ก็มาจากจิตวิญญาณนั่นน่ะ แล้วจิตหนึ่งเราไปเชื่ออะไรล่ะ

เราเกิดมาเป็นชาวพุทธ เราเชื่อในรัตนตรัยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ใช่ไหม ถ้าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์สอนพระพุทธเจ้าสอนให้เสียสละทาน คำว่า"เสียสละทาน" ทานของเราเราไม่ต้องเสียสละวัตถุ ไม่ต้องปากกัดตีนถีบอย่างนี้หรอก เราเสียสละคือเราเสียสละความตระหนี่ถี่เหนียว เราเสียสละความเศร้าหมองในหัวใจเราเสียสละอย่างนี้ปั๊บ เราทำอะไรก็ทำได้แต่ถ้าเวลาคนเรามันเก็บกดมันเหยียบย่ำหัวใจ คนเรามันทำอะไรก็ทำไม่ได้เลย

แต่ถ้าเราถือศีล ศีลคือความปกติของใจ ถ้ามันปกติของใจ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เราถือศีล ๕ ศีล ๕จะคุ้มครองเราศีล ๕ คุ้มครองเรานะ เราไม่เบียดเบียนใคร เราไม่ทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงใช่ไหมเราไม่เบียดเบียนใคร

เราไม่ลักของใครของของใครดูสิ ผู้ที่หัวใจงามเห็นของสิ่งใดตกแล้วเก็บไปคืนเจ้าของเพราะเจ้าของเขาก็ต้องเสียดายของเขาเป็นธรรมดา เราเห็นแล้วเราเก็บของได้ เราไปคืนเจ้าของเขา

กามคุณเราก็มีเฉพาะในคู่ครองของเรา

เราจะไม่โกหก คนที่ไม่พูดโกหกคนที่มีสัจจะพูดคำไหนคนเขาก็เชื่อ

เราไม่ดื่มสุราเมรัยของมึนเมาเราไม่ยุ่งเกี่ยว

นี่มันคุ้มครองเราศีลคุ้มครองเรา ศีลคุ้มครองเราเราถือศีล ศีลคุ้มครองเราเรามีศีลมีธรรมแล้วเรามีธรรมเราประพฤติปฏิบัติ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะย่อมคุ้มครองเรา ถ้าคุ้มครองเราถ้าธรรมะคุ้มครองธรรมะมันคืออะไรล่ะ

ธรรมะคือสัจธรรมสัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราทำคุณงามความดีของเรา แต่เวลาทำคุณงามความดีของเรา สิ่งที่มันโต้แย้งขึ้นมาคือกิเลสตัณหาความทะยานอยาก"ทำไมคนนู้นเป็นอย่างนู้นทำไมคนนี้เป็นอย่างนี้"

ไอ้คนนู้นเป็นอย่างนู้น คนนี้เป็นอย่างนี้มันเรื่องของเขา เรื่องของเราก็เรื่องการกระทำของเรา ถ้าเราทำของเรา ถ้าเราทำของเรา เรามีสติมีปัญญาเราทำของเราจะมีมากมีน้อยไม่สำคัญหรอกมันไม่สำคัญมันสำคัญว่าเรามีความสุขหรือเปล่า

ดูสิเวลาครอบครัวนะ ลูกจะเป็นอะไรก็ได้ ขอให้มีความสุขขอให้ลูกเรามีความสุข

ฉะนั้นถ้าจิตใจมันมีปัญญา มันคิดได้นะ มันไม่น้อยเนื้อต่ำใจเลย เรามีหน้าที่การงานของเรา เรามีปัจจัยเครื่องอาศัย มีการดำรงชีพได้นี่พอแล้วเวลาคนสมัยก่อน ชนบทคนอยู่ชนบทโอ๋ย! มีแต่ความสุขของเขา เขามีสภาวะแวดล้อมที่ดีเดี๋ยวนี้คนเขาปากกัดตีนถีบเขาก็ต้องไปหาสถานที่ทำงานของเขาใช่ไหม พอทำงานเสร็จเกษียณแล้วอยากจะไปทำสวนทำไร่ เขาก็อยากจะมีสภาวะแวดล้อมที่ดี

ถ้าสภาวะแวดล้อมที่ดีทีนี้คำว่า"สภาวะแวดล้อมที่ดี" ผู้แก่ผู้เฒ่าเขามีความสุขในชีวิตของเขานั่นเขามีความสุขน่ะ เขามีความสุขของเขา เขาอยู่ในสภาวะแวดล้อมอย่างนั้น ไอ้เราสิสภาวะแวดล้อมเรามันต้องเป็นโลกใช่ไหมเราก็ต้องปากกัดตีนถีบเป็นเรื่องธรรมดาทีนี้เรื่องธรรมดาแล้วเราอยู่ในสังคม เรามีศีลมีธรรม ศีลธรรมคุ้มครองเรา แล้วถ้ามีสติปัญญานะเราไม่เป็นเหยื่อไง

ในปัจจุบันนี้ ดูสิเวลาเขามาในเมืองไทย ตอนนี้เขาพยายามชักนำกัน พวกเราเข้าวัดเข้าวา พวกชาวพุทธมีระดับของทาน คนที่เขามีปัญญาเขามาทำการตลาด ไปหมดเลยนะ อันนี้มันเรื่องของโลกไง เรื่องการประชาสัมพันธ์เรื่องความน่าเชื่อถือ มันเป็นเรื่องของโลกมันเป็นเรื่องเครดิต แต่เรื่องอย่างนี้ทางโลกเขาสร้างกันได้ใช่ไหม แต่ถ้าเรื่องเป็นความจริงๆ มันเป็นเรื่องเป็นจริงในใจของเราใช่ไหม ถ้าเรื่องจริงของเรา เรารักษาที่นี่ เราดูแลหัวใจเราที่นี่

มงคลชีวิต มงคลชีวิตมันมาจากไหน มงคลชีวิต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้แล้วตั้ง ๒๐๐๐ กว่าปี ไอ้นี่ปีใหม่ปีเก่ามันเป็นปฏิทิน ทีนี้เป็นปฏิทิน มันเป็นปฏิทิน มันเป็นวัฒนธรรม เพราะวัฒนธรรมทำให้เราเริ่มต้นได้ คนเราถ้าเราเหลวไหลใช่ไหม "เออ! ปีใหม่กูจะเป็นคนดีแล้วเว้ย" นี่มันมีประโยชน์ตรงนี้ ปีใหม่ปีเก่ามันมีประโยชน์ตรงนี้

แต่ถ้าเรามีสติปัญญา เรามีลูกมีหลาน เรามีลูกมีหลานเราก็ดูแลเขาเราให้ของขวัญเขา ให้อะไรเขา ให้เขาเป็นคนดีเราจะส่งต่อ ส่งต่อคุณงามความดีของเราไปเรื่อยๆ ถ้าส่งต่อคุณงามความดีของเราไปเรื่อยๆ ถ้าเรามีสติปัญญา มีสติปัญญา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนที่นี่ ศีลสมาธิ ปัญญา

ศีลสมาธิ ปัญญาทีนี้ปัญญาของใคร ถ้าปัญญาของเรานะปัญญาของเราเรารักษาตัวเราเองได้มันก็ประเสริฐแล้วแล้วประเสริฐดูสิ กระแสโลกเขารุนแรงมากทำไมพวกเราเราอยู่ของเราได้นะ

เราบวชใหม่ๆ สมัยหลวงปู่ฝั้น ผู้ที่ลูกศิษย์ของท่านนะ ไม่ดูหนังดูละคร ศีล ๘บริสุทธิ์ เวลาเรานั่งคุยกันอยู่นี่ ที่วัดอุดมสมพร เวลาวัดข้างเคียงเขามีมหรสพ มีหนังกัน นั่งคุยกันขำๆ เห็นเขาไปแล้วมันขำๆขำๆ เพราะอะไร ขำๆเพราะว่าเขามีอุดมการณ์ เขามีอุดมคติของเขา เขาไม่ตื่นเต้นไปกับมหรสพสมโภช

สิ่งนั้นน่ะ อบายมุขมันก็พาไปสู่อบายภูมิ เราปฏิเสธกันนะเราไม่อยากตกนรกอเวจี เราอยากจะไปที่ดีๆ ทั้งนั้นน่ะอบายมุขมันก็พาเราไปสู่อบายภูมิ แล้วทุกคนเวลาถือศีล ๕ ก็บอกว่าจะปิดอบายภูมิ จะไม่ลงต่ำๆ แต่อบายมุขนั่นล่ะมันจะพาไปสู่อบายภูมิ แล้วถ้าอบายมุขเราเห็นอย่างนั้น นี่ไง คนที่มีสติปัญญาเขาพูดกันแล้วเขาขำๆ นะ เพราะอะไร เพราะคนมันมีอุดมคติเดียวกัน คุยกันมันน่าชื่นใจ

เรานั่งฟังอยู่นะ เราบวชใหม่ๆ เราไปนั่งฟังอยู่ อู้ฮู! แม้แต่ฆราวาสเขาเขายังมีอุดมการณ์ มีอุดมการณ์เพราะอะไรล่ะเพราะหลวงปู่ฝั้นท่านสอนน่ะท่านสอนของท่าน ท่านมีความสุขของท่าน แล้วท่านทำตัวท่านให้มีความสุขจริงๆเพราะหลวงปู่ฝั้นท่านร่มเย็นนะ "พุทโธผ่องใส พุทโธสว่างไสว" แค่ฟังแค่นี้ ปลื้มเพราะอะไรเพราะมันไม่มีใครพูดไง

ท่านมีเมตตาของท่าน ท่านมีเมตตา ท่านคุ้มครองดูแลเรา ถ้าคุ้มครองดูแลเรา ท่านแผ่เมตตาคุ้มครองดูแลเรา ในปัจจุบันนี้ท่านก็ยังคุ้มครองดูแลเราอยู่ไง แต่โลกมันเจริญๆโลกมันจะมีการแข่งขันใช่ไหม พอมีการแข่งขัน ความแข่งขันนั้นน่ะแล้วเราจะต้องมีสติมีปัญญามีใครคุ้มครองนี่ไปเชื่อเขาไปหมด

โดยสถิติเขาบอกเลย ตั้งแต่ปีใหม่ไปแล้วเริ่มต้นแล้วปีนี้จะมีวิกฤติอะไรร้อยแปด...ปีกลายก็พูดแล้ว แล้วมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ปีนี้ก็พูดอีก แล้วก็ให้พวกเราหัวใจสั่นไหว

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกกึ่งพุทธกาลศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง โลกนี้จะมั่นคงมีความสุขของเรา นี่กึ่งพุทธกาลแล้วศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอายุ ๕๐๐๐ ปี อีก ๒๐๐๐ กว่าปี โลกยังอยู่มั่นคง โลกยังอยู่อย่างนี้ ไม่ต้องไปตื่นเต้น พระพุทธเจ้าพยากรณ์ไว้แล้ว พระพุทธเจ้าอนาคตังสญาณบอกไว้หมดแล้ว แล้วเราจะไปเชื่ออะไร เราจะไปเชื่อเขาทำไม

ไม่ต้องไปเชื่อใคร เราเป็นชาวพุทธมันเสียศักดิ์ศรีของชาวพุทธชาวพุทธถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ต้องให้มั่นคงในรัตนตรัยของเรา แก้วสารพัดนึกแล้วแก้วสารพัดนึก เรามีสติปัญญาขึ้นมา เราก็มาที่นี่ไอ้นั่นมันนอกศาสนาทั้งนั้นแล้วบอกว่าเป็นชาวพุทธๆ

ดูสิเวลาเขามาเมืองไทย เขาเห็นศรัทธาไทย เขาทึ่งนะแต่ศรัทธาอย่างนี้ ศรัทธาอย่างนี้แล้วแต่เขาทำการตลาด เขาชักนำไปได้หมดเลย แล้วเขาชักนำไปได้หมดเลย มานั่งหลับตาเข้าหน่อยเดียวเท่านั้นน่ะ เพิ่งออกมาจากป่าเพิ่งสำเร็จมาเดี๋ยวนี้เองสดๆ ร้อนๆเลย...ไปหมดเลย มันสำเร็จจากอะไร ออกมาจากป่า

ตอนนี้หน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาต้องมีพวกฝ่ายอนุรักษ์เขาป้องกันพวกนายพรานยิงสัตว์ ยิงเสือยิงสางส่งออกนอก ถ้าเราออกจากป่าเสือมันมีราคาเป็นล้านนะเอ็งออกจากป่า มันมีอะไรมา นี่ไง ออกจากป่ามามันต้องมีสติมีปัญญา เราออกจากป่ามาเราเข้าป่าเข้าเขาไปเพื่อเหตุใด ดูสิ เขาอยู่ในป่าในเขาเขาต้องหาอยู่หากินของเขาเขาทุกข์เขายากของเขาเราบิณฑบาตที่ไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนเราก็สุขสบายของเราทำไมเราต้องเข้าป่าไปล่ะ

เพราะเข้าป่าไป ไปควบคุมกิเลสไง พอเข้าป่าเข้าเขาไปแล้วมันอยู่ความสงบสงัด กลางคืนขึ้นมามันอยู่ที่วิเวกจิตใจเรารับสภาพอย่างนี้ได้ไหม จิตใจของเราก็อยากจะอยู่ในที่ชุมชนใช่ไหมคนนู้นก็คอยอุปัฏฐาก คนนี้ก็คอยอุปัฏฐาก นู่นก็อาจารย์ใหญ่นี่ก็อาจารย์สุดยอด อุปัฏฐากกัน สุมหัวกันอยู่นั่นน่ะ

ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีสติปัญญาท่านก็หลีกเร้นหลีกเร้นเข้าป่าเข้าเขาไป ท่านอาศัยชัยภูมิท่านอาศัยชัยภูมิขึ้นมาเพื่อหาความสงบสงัด เพื่อหาหัวใจของท่าน ถ้าท่านหาหัวใจของท่านได้แล้วท่านใช้ปัญญาของท่านวิปัสสนาวิปัสสนาคือสติปัญญาของท่าน ถ้าสติปัญญาของท่าน วิปัสสนาของท่านในใจของท่าน ท่านเกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา เขาไปธุดงควัตรเขาธุดงค์กันเขาธุดงค์อย่างนี้ ครูบาอาจารย์ท่านบอก แบกบริขารไป แบกไปทำไม หาหัวใจของตน

โยมมาประพฤติปฏิบัติคือโยมมาหาความสุดยอดของใจ สิ่งที่มีค่าที่สุดคือความรู้สึกของมนุษย์ คือจิตใจของคนแต่จิตใจอยู่กับเรา เราเกิดมาเป็นมนุษย์มนุษย์มีกายกับใจ เราก็อยู่ในความรู้สึกจากผิวหนังความรู้สึกจากประสาทสัมผัสแต่เราไม่เคยรู้จักหัวใจของเราเลย

แล้วพอเราไม่รู้จักหัวใจของเราเลย เราหาหัวใจของเราไม่พบ เราก็ตื่นกลัว เราก็วิตกกังวล เราก็ต้องหาที่พึ่งจากข้างนอก ที่พึ่งจากข้างนอก คนเขาพูดสิ่งใดก็ไปเชื่อเขา เพราะอะไร เพราะเราไม่มีจุดยืน ถ้าเรามีจุดยืนนะเราทำความสงบของใจเข้ามา ดูสิ ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติเข้าป่าเข้าเขาไป เขาเข้าป่าเข้าเขาไปเพื่อชัยภูมิอันนั้น เขาไม่ได้เข้าป่าเข้าเขาไปอยู่เป็นสัตว์

เราเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ประเสริฐทำไมตีค่าเราเท่ากับสัตว์ป่าแต่เราเข้าไปอยู่ป่าอยู่เขาเราเป็นมนุษย์เป็นศากยบุตรเป็นพุทธชิโนรส เราเข้าไปเพื่อหามรรคหาผลเราเข้าไปชัยภูมิอย่างนั้นเพื่อหามรรคหาผล แล้วถ้าได้มรรคได้ผลออกมาแล้วได้มรรคได้ผลมรรคผลอันนั้นมันมีคุณค่าออกจากป่ามาจะสงบเสงี่ยมออกจากป่ามาพระที่มีคุณธรรมเหมือนพระธรรมดาสามัญติดดิน ไอ้ออกมาแล้วถือฉัตรออกมา ถือร่มออกมา ไอ้นั่นมันจะออกบวชมันไม่ใช่

ฉะนั้นเวลาออกจากป่ามา ถ้าออกจากป่ามาออกมาเพื่ออะไร ถ้าออกมานะ ครูบาอาจารย์เราท่านอยู่ในป่าของท่าน ท่านมีความสุขความสงบของท่าน เพราะความหามรรคหาผลมรรคผลนั้นมีค่ามากนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ

ที่เราว่าหามงคลชีวิตๆถ้าเราหาจิตของเราเจอได้เราเห็นจิตของเรา เราจะเห็นคุณธรรมของเรา ถ้าใครทำความสงบของใจได้นะถ้าใจมันสงบระงับเข้ามามันจะเชื่อมั่นมันจะเห็นคุณธรรม เชื่อมั่นในเรื่องภพเรื่องชาติ เชื่อมั่นในเรื่องมรรคผลมรรคผลเพราะอะไร เพราะแค่จิตสงบมันยังมีความสุขขนาดนี้ เพราะจิตสงบมันยังมหัศจรรย์ขนาดนี้ ของที่มหัศจรรย์อยู่กับหัวใจของเรา แต่ที่เราอยู่กันอยู่นี่ เราอยู่ในสภาพของสัญญาอารมณ์มันเป็นอารมณ์ความรู้สึก

เพราะกำเนิด ๔กำเนิด เกิดในไข่ เกิดในครรภ์ เกิดในน้ำครำ เกิดในโอปปาติกะกำเนิด ๔ จิตมันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เรากำเนิดอะไรถ้าเกิดเป็นเทวดา เทวดาก็มีทิพย์สมบัติของเขา ถ้าเกิดเป็นพรหมพรหมก็ผัสสาหารเป็นพรหมแล้วถ้าเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์ก็มีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ เกิดในนรกอเวจีอบายภูมิ ถ้าตกนรกอเวจีไปมันเป็นโลกของจิตวิญญาณเหมือนกัน แต่เป็นโลกของอบายภูมิ

นี่เกิดในสถานะไหนกินอาหารอะไรกวฬิงการาหาร วิญญาณาหาร ผัสสาหารมโนสัญเจตนาหาร เกิดในกำเนิดอะไร มีอาหารอะไรเป็นที่ดำรงชีพ

นี่ก็เหมือนกันฉะนั้น เราเกิดเป็นมนุษย์ไงพอเกิดเป็นมนุษย์ สถานะของมนุษย์ความรู้สึกเราเป็นอย่างนี้เราถึงเข้าสู่ความสงบของจิตคือจิตล้วนๆไม่ได้ไง แต่ถ้าเข้าไปสู่จิตล้วนๆ ได้ ไอ้ตัวจิตปฏิสนธิอันนั้นน่ะ เราจะทึ่งอันนั้น นี่มงคลชีวิตมงคลชีวิตคือความรู้สึกเราแต่เพราะพวกเราหวังพึ่งข้างนอกกัน หวังให้ใครพยากรณ์ให้ทีหวังให้ใครชักจูงที

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาพูดหลวงตาท่านบอกประจำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกข้อทุกกระทงชี้เข้าไปสู่ใจของเราทวนกระแสกลับมาที่ใจของมนุษย์เพราะใจของมนุษย์เป็นผู้พ้นกิเลส ใจของมนุษย์เป็นผู้ที่มีสติปัญญาใจของมนุษย์จะยกตนเองขึ้นเป็นอริยภูมิ

นางวิสาขาเป็นอุบาสิกา ทำไมเป็นพระโสดาบันล่ะนางวิสาขาเป็นพระโสดาบันเป็นที่ไหน ก็เป็นในหัวใจไงเป็นในอริยภูมิจากภายในนี้ไง ถ้ามันยกมันยกขึ้นที่นี่มงคลชีวิตมงคลชีวิตหาที่นี่ มงคลชีวิต นี่พูดถึงหลักเกณฑ์ในหลักพระพุทธศาสนา

แต่เวลาพวกญาติโยม"หลวงพ่อ เอาแค่รวยๆ ก็พอมงคลชีวิตขอให้มันสุขสบาย"

คำว่า"สุขสบาย" แบบนั้น เราจะบอกว่ามันเป็นความคิดนะมันเป็นความพอใจของเรานะ ถ้าเราพอใจ เรารับได้ เราก็มีความสุข ถ้าเราไม่พอใจ จะร่ำรวยขนาดไหนมันก็จนคนเรานะ แม้จะมีมากมีน้อยถ้าหัวใจมันมีสติมีปัญญาดูแลหัวใจของเรา มันร่ำรวยร่ำรวย มันพอใจไง มันพอใจ มันมีความสุขอยู่ได้นี่ถ้ามีสติปัญญา มีสติปัญญา นี่คุณธรรมคุณธรรมอันนี้มันหล่อเลี้ยงหัวใจ ถ้าคุณธรรมอันนี้หล่อเลี้ยงหัวใจ หัวใจที่ประเสริฐ นี่ไงมงคลชีวิตนี้ไง

ถ้าเราคิดได้ เราทำได้ มันก็เป็นอย่างนี้ เราจะร่ำรวยไปมากกว่านี้อีกเท่าไรก็แล้วแต่เราก็เป็นอย่างนี้ เราก็เป็นคนเดิมนี่ จะปีใหม่ปีเก่าก็คนเดิมนี่ เมื่อวานอยู่คนหนึ่งมันอยู่ปี ๒๕๕๘ วันนี้เรามาอยู่ปี๒๕๕๙ คนละคนหรือเปล่าคนเดียวกัน นี่ไง จิตเหมือนกัน

ถ้ามีสติปัญญา นี่คุณธรรมธรรมอันนี้มันจะเข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจแล้วจะมีความสุข แล้วเราจะไม่ต้องทุกข์ยากขนาดนี้ไงแต่หน้าที่การงานก็หน้าที่การงาน จะบอกว่าให้วาง

ศาสนาพุทธไม่ได้ปฏิเสธเรื่องเงินทองศาสนาพุทธไม่ได้ปฏิเสธถึงผลที่ได้รับ คนขยันหมั่นเพียรเขาต้องหาของเขาได้ เพราะเป็นบุญของเขา ถ้าปฏิเสธมันก็เท่ากับปฏิเสธบุญน่ะสิถ้าปฏิเสธความทุกข์ความยากก็เท่ากับปฏิเสธบาปน่ะสิ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เชื่อบุญและบาปให้เชื่อกรรมให้เชื่อการทำความดี ถ้าทำความดีถูกต้องดีงามแล้วผลมันต้องได้ช้าหรือเร็วต้องได้ ถ้าใครประพฤติปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๗ วัน ๗เดือน ๗ ปีอย่างน้อยต้องเป็นพระอนาคามี เอวัง